วันจันทร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2553

ทำไมต้องเรียนรู้เรื่องซ่อมคอมฯ

ทำไมต้องเรียนรู้เรื่องซ่อมคอมฯ
เครื่องเสียบู๊ตไม่ขึ้น อุปกรณ์เจ๊ง ฮาร์ดดิสก์พัง ฯลฯ ปัญหาเหล่านี้ดูจะเรื่องปกติ ที่ผู้ใช้คอมฯ ทุกท่านจะต้องเจออย่างแน่นอน ไม่วันใดก็วันหนึ่ง ถ้าจะให้ทุกคนลุกขึ้นมาแก้ปัญหาหรือซ่อมเองก็เป็นเรื่องยาก เพราะถ้าเป็นอาการเสียทางด้านฮาร์ดแวร์ทุกคนก็มักจะมองว่าเป็นเรื่องไกลตัว แล้วก็ส่ายหัวเมื่อเจอปัญหาเหล่านี้ เพราะกลัวว่าถ้าซ่อมเองแล้วเครื่องจะพัง สู้ยกเครื่องไปให้ร้านซ่อมดีกว่า เพื่อความมั่นใจ
ทุกครั้งเมื่อยกเครื่องไปที่ร้าน ก็ต้องเสียค่าซ่อมอย่างน้อย ๆ ก็ 500 บาท เป็นราคามาตรฐานที่ค่อนข้างสุง ยิ่งถ้าช่างแค่เปิดฝาเครื่องแล้วขยับสายเล็กน้อย เครื่องก็หายเป็นปกติ ยิ่งรู้สึกไม่อยากจะจ่ายค่าซ่อมเลย แต่ถ้ามีอุปกรณ์พังก็ยังดี แต่จะแน่ใจได้อย่างไรว่าราคาอุปกรณ์ที่เปลี่ยนนั้นร้านซ่อมขายให้ในราคาแพงเกินจริงหรือเปล่า และเปลี่ยนอุปกรณ์แล้วเครื่องจะหายจริงใหม หรือว่าถูกหลอกวางยาให้คุณยกมาซ่อมอีก เรียกว่าซ่อมกันไม่รู้จบสักที ที่กล่าวมาทั้งหมดทาง Bcoms อยากจะแนะนำให้ทุกท่านเห็นประโยขน์ ในการเรีนรู้ทางด้านฮาร์แวร์บ้าง เพื่อให้สามารถตรวจซ่อมละแก้ปัญหาเบื้องต้นได้โดยไม่ต้องเครื่องไปให้ช่างซ่อม
Bcom.net สร้างขึ้นมีจุดประสงค์เพื่อเป็นคู่มือในการแก้ปัญหา ที่จะช่วยให้ผู้เข้าชมเว็บ Bcoms ทั้งที่ไม่เคยจับคอม ฯ มาก่อนเลย หรือที่เคยใช้งานมาบ้างแล้ว สามารถวิเคระห์และแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้เอง

ด้วยความปรารถนาดีจาก
ทีมงาน bcoms.net

"เส้นทางลัดท่องโลกอินเตอร์เน็ต"


มีเรื่องจะมาเตือนเพือนๆครับเกี่ยวกับ internet banking ที่เป็นข่าว

มีเรื่องจะมาเตือนเพือนๆครับเกี่ยวกับ internet banking ที่เป็นข่าว
มีเรื่องจะมาเตือนเพือนๆครับเกี่ยวกับ internet banking ที่เป็นข่าว internet banking มันมีควาปลอดภัยสูงครับอ่าไปโทษมันเลยโทษตัวเราดีกว่า เพราะการใช้ internet นี่แหละครับตัวดีเลยเพราะเราไม่รู้ว่าเวปที่เราเข้าไปดูจะมีไวรัสอยู่หรือปล่าวถ้ามีมันจะไปเปฺิด back door ในคอมพิวเตอร์ของเราเอาไว้เพื่อรอการโจมตีกากเครื่องอื่น remote access(hacker จะสามารถควบคุมคอมพิวเตอร์เราจากที่อื่นได้) จะเห็นว่า anti virus จะให้เรา update บ่อยๆถ้าไม่ทำมี anti virus ดีแค่ไหนก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอครับไม่ว่าจะเป็น nod32,MnAfee,nortonฯลฯ จำไว้อย่างนีงครับมืจฉาชีพจะนำเราอยู่ 1 ก้าวเสมอถ้าไม่ update anti virus ไม่ช้าก็เร็วรับรองโดนแน่นอนครับ(อยุ่ที่ใครจะโดนมากน้อยแค่ไหนเท่านั้นเอง) internet banking เขาจะมีคนคอยดูแลระบบถ้ามีคนบุกรุกเข้าไปโดยไม่ได้รับอนุญาติระบบมันจะฟ้องทันทีครับวางใจกับระบบได้ เครื่องเราแหละครับตัวดีเลยไวรัสจะมากับ
1. internet
2. handy drive

เตือนภัย : ไวรัส Hotmail และ internet banking

สวัสดีค่ะ เพื่อนๆจีบัน
วันนี้ขออนุญาตออกนอกเรื่องกันซักครั้งนะคะ
พูดกันถึงเรื่องข่าว internet banking ของธนาคารกรุงเทพ
ที่กำลังเป็นข่าวอยู่ จขกท. โดนดีเข้าด้วยค่ะ T_T
แต่ว่าไม่ได้สูญเสียอะไร
เพราะบัญชีออนไลน์ กับ atm จะเป็นบัญชีที่
ใช้ รับ จ่าย เงินเท่านั้น จึงไม่นำเงินใส่ไว้ในบัญชีนั้น เอ๊ะ หรือเราจะจน อิอิ!!!

เริ่มต้นจาก เมื่ออาทิตย์ก่อน เราก็ดูข่าวเพลินๆ
แหมกำลังบ่นว่า ถ้าโจรมาแฮก i banking เรา คงเซ็งอะ เพราะไม่มีตังค์
คุณ จนท. ธนาคาร ก็โทรมาได้จังหวะพอดี
แจ้งว่า พบบัญชีแปลกปลอม ถูก add เข้ามาใน list 3rd
คือ กลุ่มคนที่เราจะโอนเงินเข้าไปให้เค้าได้ทันทีที่เราสั่งน่ะค่ะ
ให้เราเข้าไปเช็ก ปรากฏว่าเจอจริงๆค่ะ
ไม่เคยทันสังเกตเลย
ทางจนท. ธนาคาร แจ้งว่า เหตุการณ์ที่เกิด
มันเป็น pattern เดียวกับที่เป็นข่าว
เลยขอระงับใช้ i banking ชั่วคราวเพื่อตรวจสอบ

หลังจากนั้น ทางฝ่ายโปรแกรมเมอร์ และ จนท. ก็ได้โทรมาคุยกับเราอีกครั้ง
ถามถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้
เจอแบบนี้ค่ะ

- เราเจออาการว่า หลังจากใส่ password เข้าหน้า internet bank ปุ๊บ
มาบังคับให้เราเข้าไปค้างอยู่หน้า add 3rd list เลย
ซึ่งทีแรกเราไม่เอะใจเลยค่ะ เพราะคอมเครื่องที่บ้านเรา
มีปัญหา ค้างๆ เป็นประจำ เราเลยใช้วิธีเอาบัญชีอีกเล่มที่ไม่ค่อยได้ใช้ add เข้าไปให้มันหายค้าง
มันก็ไม่หาย เลยไปใช้เครื่องคอมพ์เครื่องอื่นในบ้านแทนมันก็ไม่มีปัญหา
เลยมั่นใจมากว่า เครื่องเจ้าปัญหานั่น เจ๊ง ค้าง ควรเอาไปปลูกถั่วงอกแทนใช้งานต่อไป
(แต่ค้างแบบนี้ มีปัญหาแน่ๆค่ะ คุณ จนท. บอกมา
อย่าไปโทษคอม อิอิ)

- ก่อนหน้านี้ เรามีปัญหากับอีเมลล์ ที่ใช้ในการ รับส่งข้อมูลจากธนาคาร
คือ โดนไวรัส ส่งเมลล์หาคนอื่นเต็มไปหมด
บางทีก็เข้าเมลล์ตัวเองไม่ได้
ปัญหานี้ เราเปลี่ยนพาสเวิร์ดไปแล้ว
แต่ มันไม่จบค่ะ เค้าคงได้ ข้อมูลส่วนตัวไปก่อนแล้ว
ทำให้มีปัญหาตามมา

จนท. จึงให้เราลองไปเช็ก คุกกี้ ของเครื่องเรา
(ขอบอก พึ่งรู้จัก คุกกี้ก็เมื่อวานนี้ล่ะค๊า)
สอนให้เราดูว่าเราไปเยี่ยมเว็บไหน ยังไงมาบ้าง
โอ้ แม่เจ้า เว็บที่ข้าพเจ้าไม่เคยไป โผล่มา เยอะๆๆ
เป็นจำนวนเม็ดแป้ง ในกระปุกแป้ง LM
(เยอะไปไหม ^_^)

สรุป เรื่องนี้ มันน่าจะเกิดมาจากความสะเพร่าของเราเองที่
- ไม่อัพเดตสแกนไวรัสบ่อยๆ (จริงๆอัพไม่เป็น โง่คอม สุดๆแล้ว)
เหตุผลเดียวเท่านั้น ปัญหาอื่นๆตามมาอีกเพียบ T_T


ข้อแนะนำ จาก จนท. ธนาคาร
1. ใช้ internet banking จากคอม ที่ปลอดภัยเท่านั้น อย่าไปใช้คอม สาธารณะ เด็ดขาด อันตรายที่สุด
เพราะเราไม่รู้เค้าติดตั้.โปรแกรม อะไรบ้าง

2. คอมพิวเตอร์ ที่จะใช้ทำธุรกรรม ต่างๆ ควรจะ สะอาด ปลอดภัย
อัพเดต สแกนไวรัสเป็นประจำ มีปัญหาอะไร ไม่มั่นใจ format ไปเถอะค่ะ เพื่อความ มั่นใจ

3. ถ้าหากพบความผิดปกติ ใน หน้าทำรายการของธนาคาร
รีบติดต่อเจ้าหน้าที่ธนาคาร อย่าทำแบบเรานะคะ
เอาบัญชีอื่นไป add แทน คิดได้ไงเนี่ย ถ้ามีเงิน โดนลอกคราบแน่ฉันT_T)

4. สำคัญที่สุด ข้อนี้ คุณ จนท. ย้ำมากๆ
ในการ add 3rd list ทุกครั้ง จะมี sms ยืนยันส่ง
one time password / OTP
มาให้ ให้ตรวจสอบเลขบัญชี ให้ดีๆว่าถูกต้องหรือไม่
เพราะรหัสนี้ เป็นข้อมูล ตอบกลับของธนาคาร โดยตรง
ว่า ธนาคารได้รับข้อมูลนี้จากเรานะ
ข้อมูลที่ปรากฏในหน้าจอ พวก มิจฉาชีพ สามารถ ปรับแต่งให้
เราเห็นว่ามันถูกต้องได้ แต่ตรง sms นี้ พวกมิจฉาชีพ
จะหลอกเราไม่ได้ค่ะ
ถ้าหาก sms ไม่ตรงกับที่เรา add ไปนั้น รีบยกเลิกทันทีเลยค่า

บริการ SEO

รับทำ SEO (Search Engine Optimization)Get Top Ranking on Google,Yahoo,Bing

บริการ รับทำ SEO (Search Engine Optimization)

เพื่อโปรโมทเว็บไซต์และธุรกิจของลูกค้าทุกประเภท

สำหรับการหาผู้เข้าชมเว็บไซต์ที่ดีที่สุดอย่างตรงเป้าหมาย

เพื่อเพิ่มช่องทางการขายในรูปแบบต่างๆ ด้วยการสร้างเครือข่ายเนื้อหาที่น่าสน

ใจและการกระจายสินค้าหรือบริการให้เข้าถึงกลุ่มคนทุกกลุ่มตามกระบวนการวิธีการทำ

SEO ที่ถูกต้อง ที่จะสามารถทำอันดับได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงสุด

SEO,รับทำSEO,TOP10GOOGLE,หน้าแรกกูเกิ้ล,โปรโมทเว็บ,รับทำเว็บไซต์,รับจัดทำเว็บไซต์,รับทำเว็บ,ออกแบบเว็บไซต์ทำไมถึงต้องทำ SEO เพื่อโปรโมทเว็บไซต์
◦เพื่อให้เว็บไซต์ของเราได้รับการจัดลำดับ ในอันดับที่ดีขึ้น
◦เพื่อให้มีคนได้มีโอกาสเข้าเว็บเรามากขึ้น

โดยการคลิกที่ลิงค์จากการค้นหา ผ่าน Search Engine
◦เพื่อเป็นการประหยัดค่าโฆษณาเว็บไซต์ของเรา

ที่ไปติดโฆษณาในที่ต่างๆ
◦เพื่อทำให้เว็บไซต์เราสามารถขายสินค้าและบริการได้มากขึ้น
◦เพราะการค้นหาข้อมูลผ่าน Search Engine

มีคนใช้ถึง 81% เราต้องทำให้คนรู้จักเราให้ได้มากที่สุด
◦ถ้าคุณติดลำดับต้น ๆ ในหน้าแรกแล้วจะทำ

ให้เกิดการคลิกและเข้าเว็บเรามากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
◦คนที่เข้ามาภายในเว็บเป็นกลุ่มเป้าหมายเรามากขึ้น

เนื่องจากเป็นการค้นหารสิ่งที่เขาสนใจจริงๆ




ข้อเสียของการใช้อินเตอร์เน็ต


ข้อเสียของการใช้อินเตอร์เน็ต

- เกิดการฆ่า ข่มขืน

- เกิดการสร้างสื่อที่ไม่เหมาะสม

- มีการเล่น CHAT แล้วนักเจอกัน จึงทำให้เกิดการลักพาตัว

- มีการทะเลาะเบาะแว้ง กันภายในสังคม

- ทำให้สายตา เสื่อม

- ทำให้สภาพร่างกาย และจิตใจเสื่อมโทรม

- ทำให้ คุณพ่อ-คุณแม่ หรือคนในครอบครัวเป็นห่วง


แอปเปิล........



สำนักงานเพื่อความมั่นคงด้านข้อมูลของรัฐบาลเยอรมนีออกแถลงการณ์เตือนบรรดาผู้ใช้สินค้าของแอปเปิลให้ระวังปัญหาเรื่องความปลอดภัย สำนักงานเพื่อความมั่น คงด้านข้อมูลของรัฐบาลเยอรมนี ออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 4 สิงหาคมเตือนบรรดาผู้ใช้สินค้าของแอปเปิลทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น ไอโฟน ไอแพดและไอพอด ทัช ให้ระวังปัญหาเรื่องความปลอดภัย เนื่องจากระบบปฏิบัติการไอโอเอสของแอปเปิลยังมีช่องโหว่ร้ายแรงสำคัญ 2 แห่ง ที่ยังไม่สามารถอุดรูรั่วนี้ไว้ได้ ทำให้เมื่อผู้ใช้อุปกรณ์เหล่านี้เปิดเข้าไปในบางเว็บไซต์หรือเปิดไฟล์ที่ เป็นพีดีเอฟไฟล์ อาจจะมีผู้ไม่ประสงค์ดีเข้าไปล้วงเอารหัสผ่าน แผนงาน รูปภาพข้อความ อี-เมลหรือแม้แต่แอบดักฟังการสนทนาของผู้ใช้ได้ จึงขอเตือนผู้ใช้อุปกรณ์เหล่านี้อย่าได้เปิดไฟล์ที่เป็นพีดีเอฟบนอุปกรณ์ เคลื่อนที่เหล่านี้และเปิดเว็บไซต์เฉพาะเว็บที่เชื่อถือได้เท่านั้นจนกว่า ทางแอปเปิลจะมีการอัพเดตซอฟต์แวร์ของเครื่องเพื่ออุดช่องโหว่ดังกล่าว นางแคทริน อัลเบิร์ต โฆษกหญิงของสำนักงานเพื่อความมั่นคงด้านข้อมูล เปิดเผยว่า แม้ว่าจะยังไม่มีการรายงานว่ามีผู้ถูกโจมตีจากช่องโหว่ของไอโอเอส แต่เชื่อว่าบรรดาแฮกเกอร์หรือนักเจาะระบบข้อมูลคอมพิวเตอร์น่าจะเห็นจุดอ่อน ตรงนี้และใช้เป็นช่องทางสำหรับโจมตี โดยเฉพาะอุปกรณ์ของแอปเปิลเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ได้รับความนิยม การโจมตีอาจจะนำไปสู่ความเสียหายทั่วโลก โดยการสังเกตเห็นช่องโหว่ดังกล่าวมีขึ้นหลังจากเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมามี รายงานว่ามีผู้ประสบความสำเร็จในการเจาะเข้าไปในระบบปฏิบัติการไอโอเอสของแอ ปเปิล หลังจากนั้นข้อมูลเรื่องการเจาะระบบได้เผยแพร่ไปทั่วซึ่งอาจจะนำไปสู่การโจม ตีผู้ใช้งานได้ ด้านนายยอร์ก อัลเบรคท์ โฆษกของแอปเปิลในเยอรมนี เปิดเผยว่า ทางบริษัทรับทราบรายงานดังกล่าวแล้วและอยู่ระหว่างการตรวจสอบ แต่ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดอื่นๆ เพิ่มเติมแต่อย่างใด

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

"เอ็น-8"



โนเกียเตรียมเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ "เอ็น-8" ในสัปดาห์หน้า หวังแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาดจากโทรศัพท์อัจฉริยะของคู่แข่งทั้งแอปเปิลและแอ นดรอยด์... สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 9 ก.ย.ว่า โนเกีย บริษัทผู้ผลิตโทรศัพท์เคลื่อนที่รายใหญ่ที่สุดของโลกเตรียมเปิดตัวสมาร์ทโฟน รุ่น "เอ็น - 8" ในสัปดาห์หน้าเพื่อหวังแย่งชิงส่วนแบ่งในตลาดโทรศัพท์มือถืออัจฉริยะจากคู่ แข่งสำคัญทั้ง "ไอโฟน" จากค่ายแอปเปิล และ"แอนดรอยด์" ของกูเกิล อิงค์ รายงาน ข่าวระบุว่า ยักษ์ใหญ่จากฟินแลนด์รายนี้เตรียมเปิดตัวสมาร์ทโฟนเอ็น-8 อย่างเป็นทางการในช่วงวันที่ 14-15 ก.ย.นี้ ก่อนจะวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศต่างๆทั่วโลกภายในเดือนนี้ด้วยราคา เริ่มต้นประมาณเครื่องละ 499 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 15,476 บาท การเปิดตัวโทรศัพท์อัจฉริยะรุ่นดังกล่าวของโนเกียมีขึ้นท่ามกลางกระแสข่าวว่า อาจมีการสั่งปลด ออลลี เพ็คกา คัลลัสวูโอ ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหารหรือ "ซีอีโอ" วัย 57 ปีออกจากตำแหน่งในเร็วๆนี้ หลังจากที่หุ้นของโนเกียร่วงลงถึง 60 เปอร์เซ็นต์แล้วนับตั้งแต่ที่ทางแอปเปิล อิงค์เปิดตัว "ไอโฟน" เป็นครั้งแรกเมื่อเดือน มิ.ย. 2007เป็นต้นมา ขณะที่ส่วนแบ่งการตลาดโดยรวมของโนเกียในตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่ล่าสุดได้ลด ลงเหลือเพียง 34.2 เปอร์เซ็นต์แล้ว เมื่อเทียบกับ 36.8 เปอร์เซ็นต์เมื่อปีก่อน ขณะที่ยอดขายของโนเกียในตลาดสมาร์ทโฟนก็ลดจาก 45 เปอร์เซ็นต์เหลือเพียง 37.4 เปอร์เซ็นต์เช่นกันในช่วงไตรมาสสองที่ผ่านมา ทั้งนี้ เอ็น-8 ถือเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของโนเกียที่จะใช้ระบบปฏิบัติการแบบ "ซิมเบียน 3" และยังจะเป็นโทรศัพท์รุ่นแรกของโนเกียที่ติดตั้งกล้องซึ่งมีเซ็นเซอร์ขนาด 12 เมกาพิกเซลพร้อมแฟลชซีนอน.

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

วันอาทิตย์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2553

ไอซีทีพัฒนาคนไทยสร้างความรู้ด้านอวกาศ

นายณัฐวุฒ จิตะสมบัติ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในพิธีเปิดการอบรมโครงการอบรมแกนนำเครือข่ายองค์ ความรู้ด้าน กิจการอวกาศ ปี 2552 ครั้งที่ 2 ว่า โครงการอบรมแกนนำเครือข่ายองค์ความรู้ด้านกิจการอวกาศได้จัดต่อเนื่องมาเป็น ปีที่ 4 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างพื้นฐาน ความรู้ความเข้าใจให้แก่แกนนำเครือข่ายองค์ความรู้ด้านกิจการอวกาศทุก ภูมิภาคของประเทศให้สามารถถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีอวกาศและการ ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอวกาศแก่ นักเรียน เยาวชน และบุคลากรกลุ่มอื่นๆ ที่สนใจ

รวมทั้งเพื่อพัฒนาและเพิ่มขีดความ สามารถของแกนนำเครือข่ายองค์ความรู้ด้านกิจการอวกาศ รวมถึงสร้างโอกาสในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารระหว่างกลุ่มแกนนำเครือข่าย องค์ความรู้ด้านกิจการอวกาศ ซึ่งจะนำไปสู่การทำงานแบบ เครือข่ายในอนาคต

“การดำเนินโครงการอบรมแกนนำเครือข่ายฯ นี้ นอกจากจะเป็นการสร้างความรู้ความเข้าใจแล้ว กระทรวงฯ ยังต้องการสร้างเครือข่ายฐานข้อมูลด้านบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับกิจการอวกาศ และเทคโนโลยีอวกาศในแขนงต่างๆ ที่สอดคล้องกับภารกิจด้านนโยบายและพันธกิจของสำนักกิจการอวกาศแห่งชาติ สำนักงานปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร รวมทั้งเป็นการเผยแพร่ข้อมูล ข่าวสาร และความรู้ด้านกิจการอวกาศและเทคโนโลยีอวกาศผ่านทางจดหมายข่าว และเว็บไซต์ศูนย์ข้อมูลอวกาศด้วย” นายณัฐวุฒ กล่าว

โครงการอบรมแกนนำเครือข่ายองค์ความรู้ด้านกิจการอวกาศนี้ ได้ดำเนิน การอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลา 4 ปีนับตั้งแต่ปี 2549 เป็นต้นมา ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีโดยมีผู้เข้าร่วมอบรมเกินกว่าเป้าหมายที่ กำหนดทุกปี จึงได้มีการขยายกลุ่มเป้าหมายจากครู-อาจารย์ภาครัฐในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลไปสู่บุคคลทั่วไปที่สนใจ และขยายออกไปสู่กลุ่มครู-อาจารย์ในทุกภูมิภาคทั่วประเทศด้วย ส่วนในปี 2552 นี้ ได้จัดการอบรมฯ ครั้งแรกที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีครู-อาจารย์ภาครัฐจาก 5 ภูมิภาค 39 จังหวัด 99 สถาบันสนใจเข้าร่วมการอบรมถึง 116 คน ซึ่งเกินกว่าที่ตั้งเป้าหมายไว้

สำหรับการอบรมแกนนำเครือข่ายฯ ในครั้งที่ 2 นี้ได้จัดขึ้นในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ จ.นครราชสีมา ซึ่งมีผู้ตอบรับ เข้าร่วมการอบรมจาก 5 ภูมิภาค 30 จังหวัด 75 สถาบัน เป็นจำนวน 107 คน ซึ่งกระทรวงฯ คาดหวังว่าการจัดโครงการ อบรมแกนนำฯ นี้ จะช่วยให้ผู้เข้าร่วมอบรมได้พัฒนาองค์ความรู้เพื่อให้สามารถ เป็นแกนนำในการถ่ายทอดความรู้ด้านกิจการอวกาศแก่นักเรียน นักศึกษา เยาวชน และผู้ที่สนใจ รวมทั้งเกิดความตระหนักในความสำคัญของกิจการด้านอวกาศและเทคโนโลยีอวกาศใน ด้านต่างๆ มากขึ้น

ตลอดจนได้มีโอกาสรู้จักผู้เชี่ยวชาญ และบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับกิจการอวกาศ และเทคโนโลยีอวกาศด้านต่างๆ ที่หลากหลาย และใช้การอบรมนี้เป็นเวทีในการแลกเปลี่ยนข้อมูลและทัศนคติระหว่างกัน นอกจากนี้ยังทำให้ได้ฐานข้อมูลเบื้องต้นของผู้ที่มีความสนใจในด้านกิจการ อวกาศและเทคโนโลยีอวกาศ อันจะนำไปสู่การประสานความร่วมมือกับแกนนำเครือข่าย องค์ความรู้ด้านกิจการอวกาศในโอกาสต่อไปด้วย


ทันโลกเทคโนโลยี ด้วย 10 อันตรายทลายโลก จากเทคโนโลยี



ทันโลกเทคโนโลยี ด้วย 10 อันตรายทลายโลก จากเทคโนโลยี


ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ตเทคโนโลยีมีคุณประโยชน์ก็ต้องมีอันตรายอยู่ด้วยอย่างแน่นอน แต่ไม่คิดว่าจะมีใครนั่งใคร่ครวญถึงอันตรายของเทคโนโลยีได้ถี่ถ้วน.....
เทคโนโลยีมีคุณประโยชน์ก็ต้องมีอันตรายอยู่ด้วยอย่างแน่นอน แต่ผมไม่คิดว่าจะมีใครนั่งใคร่ครวญถึงอันตรายของเทคโนโลยีได้ถี่ถ้วน และเป็นลบได้มากเท่ากับกระทาชายนายริชาร์ด ฮอร์น มาก่อน ริชาร์ด ฮอร์น เป็นนักเขียนชาวอังกฤษครับ หนังสือเล่มล่าสุดของแกชื่อ "เอ อิส ฟอร์ อาร์มาเกดดอน" ที่รวบรวมเอาเรื่องอันตรายๆ ที่ "อาจ" บังเกิดขึ้นจากพัฒนาการทางเทคโนโลยีไว้มากมาย ผมเลือกเอามาเล่าสู่กันฟังแค่ 10 อย่างเอาแบบที่เป็นอันตรายชนิดสามารถทำร้ายหรือทำลายโลกได้ทั้งโลกได้นั่นแหละ
1.แฮกเกอร์ อย่างที่เรารู้กัน แฮกเกอร์มีทั้งดีทั้งร้าย ทั้งพวก "ไวท์ แฮท" แล้วก็พวก "แบล๊ค แฮท" เจ้าพวกกลุ่มหลังนี่แหละครับที่ ริชาร์ด ฮอร์น บอกว่า อันตรายสุดสุด เคยอวดฝีมือในการเจาะระบบคอมพ์ของ หน่วยงานอย่างเพนตากอน, ระบบเตือนภัยด้านกลาโหมแห่งชาติ, นาซา, แบงก์ ออฟ อเมริกา, ซิตี้กรุ๊ป, ฐานทัพอากาศกริฟฟิธ, สถาบันวิจัยนิวเคลียร์แห่งชาติเกาหลี มาแล้ว และอาจจะทำได้อีกในอนาคต น่าสนใจนะครับ ที่บริษัทที่โดนเจาะระบบบ่อยที่สุดก็คือ ไมโครซอฟท์ นั่นเอง หายนะระดับทลายโลกอาจมาเยือนได้ถ้าพวกนี้เจาะเข้าไปในระบบกลาโหมของประเทศที่มีอาวุธนิวเคลียร์อยู่ในครอบครอง จนอาจทำให้เกิดความเข้าใจไขว้เขวว่ามีการโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์ขึ้น หลังจากนั้น ทั้งโลกก็อาจตกอยู่ในสงครามเทอร์โมนิวเคลียร์ได้ง่ายๆ 2.ปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) นักวิทยาศาสตร์และนักค้นคว้าวิจัยของหลายประเทศพยายามอย่างมากที่จะพัฒนาคอมพิวเตอร์ให้ "คิด" เองได้ ริชาร์ด ฮอร์น แสดงความกังขาเอาไว้ว่า อะไรจะเกิดขึ้นถ้ามัน "คิด" และ "ตระหนักรู้ในการมีอยู่" ของตัวมัน และระบบของมันที่ถักทอเป็นเครือข่ายโยงใยไปทั่วโลก ความกระหายใคร่รู้ไม่รู้จักจบสิ้นของมันอาจทำให้ทั้งประวัติศาสตร์และอนาคตของทั้งคนและเครื่องจักรตกอยู่ในกำมือของคอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าหากมันรับรู้ว่ามนุษย์เราคิดต่อมันอย่างไรและเป็นปฏิปักษ์กับพวกมันแค่ไหน (เป็นนิยายไปหน่อยไหมเนี่ย?) 3.ไวรัสจากห้องทดลอง อันนี้ผมค่อนข้างเห็นด้วยเลยทีเดียว ริชาร์ด ฮอร์น บอกว่า ต้องมีสักวันที่นักวิจัยในห้องทดลองเพื่อหาหนทางต่อต้านหรือฆ่าไวรัส ทำอะไรสักอย่างผิดพลาดโดยอุบัติเหตุ ส่งผลให้ไวรัสในห้องทดลองออกมาอาละวาดในสิ่งแวดล้อมทั่วไป ที่น่าสนใจก็คือ ตอนนี้นักวิจัยกำลังทดลองพัฒนาไวรัสขึ้นมากลุ่มหนึ่งเพื่อให้ทำหน้าที่ "รักษา" (ด้วยการ "ทำลาย") เซลล์มะเร็งในร่างกายมนุษย์ คำถามที่เกิดขึ้นในเวลานี้ก็คือว่า เมื่อมันทำหน้าที่ของมัน (กินเซลล์มะเร็ง) เสร็จแล้ว ทำอย่างไรถึงจะ "หยุด" มันได้? 4.สเต็ม เซลล์ หรือที่เราเรียกกันว่า เซลล์ต้นกำเนิด ซึ่งเป็นเทคโนโลยีชีวภาพที่โด่งดังมากที่สุดในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา เป้าหมายใน "อุดมคติ" ก็คือว่า คนเราสามารถบังคับเซลล์ต้นกำเนิดให้พัฒนาไปเป็นอวัยวะอะไรก็ได้ เพื่อนำมาใช้ "ทดแทน" ของเดิมที่พิกลพิการเสียหาย ข้อกังขาของ ริชาร์ด ฮอร์น ก็คือ ถ้าเกิดเราไม่คิด "ทดแทน" แต่อยาก "เพิ่ม" ล่ะ? เป็นไปได้หรือไม่ที่ว่า มนุษย์ในยุคนี้จะสูญสิ้นไปกลายเป็น มนุษย์ 10 หน้า 20 แขนในยุคหน้า?

วันอาทิตย์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2553

Web กำลังจะตาย แต่ Internet ยั่งยืน


พาดหัวบทความที่กำลังได้รับความสนใจอย่างกว้างขวางอยู่ในขณะนี้ โดยประเด็นดังกล่าวถูกหยิบยกนำมาเขียนโดย Chris Anderson เจ้าของทฤษฎีอันลือลั่น และหนังสือขายดีอย่าง Long Tail รวมถึงล่าสุด Free Economy บทความชิ้นดังกล่าวปรากฎในนิตยสาร Wired ในฐานะหัวหน้าบรรณาธิการ Web กำลังจะตาย หรือไม่ได้รับความสนใจจากผู้บริโภคอย่างนั้นหรือ? เหตุใด Anderson ถึงกล่าว และคิดเช่นนั้น


Chris Anderson เปิดประเด็นที่ทำให้เกิดการถกเถียงอย่างกว้างขวางในบทความจากปกของนิตยสาร Wired ว่า "เว็บ"กำลังจะได้รับความสนใจจากผู้ใช้ลดลงไปเรื่อยๆ เนื่องจากการเกิดความนิยมในการใช้แอพฯ และอุปกรณ์ต่างๆ ทีมีหน้าจอ โดยบทความดังกล่าวพาดหัวเรื่องว่า "The Web is Dead. Long Live the Internet" ทั้งนี้ Anderson ให้เหตุผลในบทความไว้ว่า โลกของแอพฯดาวน์โหลด ซึ่งทำงานกับอินเทอร์เน็ต และการเกิดของแก็ดเจ็ตอย่าง iPhone หรือ Xbox กำลังเข้ามาแทนที่การใช้บริการ World Wide Web อย่างรวดเร็ว เนื่องจากผู้ใช้ชอบอะไรที่เสร็จสมบูรณ์ในตัว แพลตฟอร์มที่ทำหน้าที่เฉพาะงาน และสิ่งได้รับการออกแบบให้ใช้บนหน้าจอมือถือโดยเฉพาะ

หลักฐานยืนยันความคิดของเขาก็คือ กราฟข้างบนนี้ ซึ่งแสดงแทรฟฟิกของเว็บตั้งแต่ปี 2000 โดยจะเห็นว่า แทรฟฟิกการใช้เว็บบนอินเทอร์เน็ตโดยรวมของผู้ใช้ในสหรัฐฯลดลง ทั้งนี้้กราฟดังกล่าวมาจากรายงานของ Cisco ที่ใช้ข้อมูลจาก Cooperative Association for Internet Data Analysis กลุ่มประสานงานในการสอดส่องติดตามความเป็นไปของโครงสร้างพื้นฐานของอิน เทอร์เน็ต อย่างไรก็ตาม เว็บไซต์อย่าง Boing Boing ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับข้อเขียนนี้ว่า หากคุณเปลียนกราฟนี้ เพื่อแสดงให้เห็นการเติบโตของแทรฟฟิกออนไลน์ก็จะเห็นว่า มันมีการเติบโตของแทรฟฟิกในทุกแพลตฟอร์มการใช้งานอินเทอร์เน็ต ซึ่งรวมถึงเว็บด้วย (ดูกราฟข้างล่างนี้)


แม้สิ่งที่อ้างถึงในบทความที่ว่า การใช้แอพฯดาวน์โหลดเพิ่มขึ้น แค่ลำพัง Apple เจ้าเดียวก็ปาไปแล้วหลายพันล้านดาวน์โหลด แต่การใช้งานในด้านอื่นๆ ของเว็บก็เพิ่มขึ้นอย่างน่าทึ่งไม่แพ้กันอีกด้วย ตัวอย่างเช่น Facebook ไม่เพียงแต่จะมีอัตราการเติบโตที่รวดเร็วจนวันนี้มีผู้ใช้มากกว่า 500 ล้านแล้วเท่านั้น แต่มันยังมีอัตราการเติบโตบน Mobile Application ไปด้วยพร้อมกัน กล่าวโดยรวมคือ มันโตทุกแพลตฟอร์มนั่นเอง


สำหรับประเด็นอื่นๆ ที่น่าคิดอีกด้วยก็คือ แอพพลิเคชัน และเว็บไซต์ส่วนใหญ่จะสอดรับประสานกันจนยากที่จะแยกความแตกต่างออกจากกันได้ ยกเว้นเกมส์ที่ดาวน์โหลดไปเล่นกัน เว็บแอพฯส่วนใหญ่จะให้บริการข่าว และข้อมูลต่างๆ จากเว็บ และอินเทอร์เน็ต เพื่อให้มันทำงานได้อย่างสมบูรณ์ ดังนั้น ยิ่งมีอุปกรณ์เชื่อมต่อกับเน็ตเพิ่มขึ้นมากเท่าไร (แอพฯมือถือ ทีวี เครื่องเล่นเกมส์ ฯลฯ) ผู้บริโภคก็จะยังคงเข้าถึงเว็บด้วย และนั่นทำให้เว็บเติบโตในแพลตฟอร์มต่างๆ ไปด้วยต่างหาก แล้วคุณผู้อ่านล่ะครับ คิดเห็นอย่างไร? กับประเด็นนี้


ระวัง!!! ปุ่ม "Dislike" ใน Facebook?


รายงานข่าวเช้านี้ โซฟอส (Sophos) บริษัทผู้เชี่ยวชาญระบบรักษาความปลอดภัยออกโรงเตือนผู้ใช้เฟซบุ๊ค (Facebook) เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า ผู้ไม่หวังดีกำลังใช้กลโกงสุดแสบด้วยการล้อเลียนปุ่มฟังก์ชันการทำงานของ Facebook โดยทำปุ่มชื่อว่า "Dislike" เพื่อส่งซอฟต์แวร์อันตรายเข้าไปในคอมพิวเตอร์ของเหยื่อ

ข้อเท็จจริงที่ผู้ใช้ Facebook ควรทราบ และบอกต่อเพื่อนๆ ในกลุ่มด้วยก็คือ Facebook ไม่มีบริการปุ่ม "Dislike" (ไม่ชอบ) มีแต่ไอคอนของปุ่ม "Like" (ชอบ) เท่านั้น ซึ่งผู้ใช้บริการ Facebook จะใช้ปุ่มนี้แสดงความคิดเห็นชื่นชอบต่อข้อความ เรื่องราว และรูปภาพต่างๆ ตลอดจนคอนเท็นต์ของเพื่อนๆ ด้วยกันเองที่ส่งต่อให้กันในสังคมออนไลน์

แฮคเกอร์ (Hacker) กำลังชักชวน (อำ) ให้ผู้ใช้ Facebook ลองติดตั้งแอพพลิเคชันที่อ้างว่า มันเป็นปุ่ม "Dislike" เพื่อเล่นตลกกับเพื่อนๆ ในสังคมออนไลน์ได้ประมาณว่า "ตอนนี้คุณสามารถแสดงความคิดเห็น Dislike ไม่ชอบข้อความโง่ๆ เหล่านั้นได้แล้ว" แหล่งข่าวจาก Sophos กล่าว เมื่อผู้ใช้ที่ตกเป็นเหยื่ออนุญาตให้แอพพลิเคชัน Dislike จอมปลอมสามารถเข้าถึงโปรไฟล์ (profile) ได้ แอพฯจอมป่วนก็จะเริ่มปั๊มสแปมจากบัญชีผู้ใช้ของเหยื่อ เพื่อส่งตัวมันเองไปให้กับเพื่อนคนอื่นๆ ในลักษณะของการเชื้อเชิญ (invite) ให้ติดตั้งเจ้าปุ่ม Dislike นี้เข้าไป Sophos กล่าว